3. ทรัพยากรที่เป็นสินค้าสาธารณะ (Public goods)
ทรัพยากรที่เป็นสินค้าสาธารณะ มี 2 ลักษณะ กล่าวคือ 1)เป็นสินค้าที่ไม่แบ่งปันในการบริโภคได้ (Nonrival in consumption) 2 ) เป็นสินค้าที่ไม่สามารถกีดกันในการบริโภคได้ (Nonexcludability)
การที่สินค้าไม่แบ่งปันในการบริโภค (Nonrival in consumption) หมายถึง การบริโภคสินค้าของบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้น ไม่ได้ทำให้ปริมาณสินค้าในการบริโภคของบุคคลอื่นลดลง ทั้งนี้ ต้นทุนส่วนเพิ่ม (Marginal cost) ของการจัดหาสินค้าให้แก่ผ ู ้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเท่ากับศูนย์ ตัวอย่างเช่น สินค้าที่เป็นคลื่นทีวีของไทยทีวีสีช่อง 3 ถ้านาย ก. ดูรายการทีวีละครของช่อง 3 นี้อยู่ กิจกรรมของนาย ก. ก็ไม่ได้รบกวนรายการทีวีละครเรื่องเดียวกันของนาย ข. หรือคนดูคนอื่น ๆ ดังนั้น สินค้าสาธารณะที่ไม่แบ่งปันการบริโภคนี้ จะแตกต่างจากสินค้าเอกชน (Private goods) เพราะสินค้าเอกชนจะมีลักษณะการแบ่งปันการบริโภค กล่าวคือ การบริโภคสินค้าของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะทำให้ปริมาณสินค้าในการบริโภคของบุคคลอื่นลดลง
การเป็นสินค้าที่ไม่สามารถกีดกันในการบริโภคได้ (Nonexcludability) หมายถึง การบริโภคสินค้าที่ผู้บริโภคทุกคนสามารถใช้สินค้านั้นได้ โดยการบริโภคของบุคคลหนึ่งไม่สามารถกีดกันการบริโภคของบุคคลอื่น ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น แสงไฟจากประภาคาร เรือลำหนึ่งเข้ามาในน่านน้ำสามารถเห็นแสงไฟจากประภาคารนั้นได้ แต่ไม่สามารถกีดกันเรือลำอื่นไม่ให้เห็นไฟจากประภาคารได้
สินค้าสาธารณะ ถ้ามีลักษณะทั้ง 2 ประการ คือ เป็นสินค้าที่ไม่แบ่งปันการบริโภคและเป็นสินค้าที่ไม่สามารถกีดกันในการบริโภคได้ จะเรียกว่า เป็นสินค้าสาธารณะแบบแท้จริง (Pure public goods) และมีต้นทุนส่วนเพิ่มของการใช้สินค้าเท่ากับศูนย์ แต่สินค้าสาธารณะบางอย่างอาจมีลักษณะที่ไม่แบ่งปันการบริโภค แต่สามารถกีดกันได้ หรือเป็นสินค้าสาธารณะที่มีลักษณะแบ่งปันการบริโภค แต่ไม่สามารถกีดกันการบริโภคได้
สำหรับการพิจารณาถึงระดับความแตกต่างในประสิทธิภาพในการจัดสรรสินค้าสาธารณะกับสินค้าเอกชนนั้น จะพิจารณาได้อย่างชัดเจนในภาพที่ 4 ที่ว่าสินค้าสาธารณะนั้นจะมีอุปสงค์มวลรวม (Aggregate demand) ที่เป็นผลรวมของอุปสงค์ของผู้บริโภคแต่ละคนในแนวตั้ง (Vertical summation) ขณะที่สินค้าเอกชนนั้นจะมีอุปสงค์มวลรวม (Aggregate demand) ที่เป็นผลรวมของอุปสงค์ของผู้บริโภคแต่ละคนในแนวนอน (Horizontal summation) ในสินค้าสาธารณะ ปริมาณการบริโภคสินค้าของผู้บริโภคแต่ละคนจะเป็นปริมาณที่เท่ากัน ขณะที่สินค้าเอกชนปริมาณการบริโภคสินค้าจะแตกต่างกันไปของผู้บริโภคแต่ละคน